หลายคนสงสัยว่าโทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนใช้ได้หรือไม่ คำตอบคือ "ไม่เสมอไป" เนื่องจากผิวของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้นโทนเนอร์ที่เหมาะกับคนหนึ่งอาจไม่เหมาะกับอีกคน เราจึงต้องพิจารณาให้ดี
● ผิวมัน: เหมาะกับโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมช่วยลดความมัน เช่น กรดซาลิไซลิก หรือทีทรีออยล์
● ผิวแห้ง: ควรใช้โทนเนอร์ที่เน้นความชุ่มชื้น เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ หรือไฮยาลูโรนิกแอซิด
● ผิวแพ้ง่าย: เลือกสูตรที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารระคายเคือง เพื่อป้องกันการระคายเคือง
● ผิวผสม: ใช้โทนเนอร์ที่ช่วยปรับสมดุล ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือมันจนเกินไป
เคล็ดลับ:
หากไม่แน่ใจว่าโทนเนอร์เหมาะกับคุณหรือไม่ ให้ทดลองใช้บริเวณหลังหูหรือกรามก่อนเพื่อทดสอบอาการแพ้
โทนเนอร์ไม่ได้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์เตรียมผิว แต่บางสูตรยังช่วยฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอยด้วย
สารช่วยลดริ้วรอย:
● กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
● เรตินอล (Retinol): ช่วยฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอยเล็ก ๆ
● วิตามินซี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและเพิ่มความกระจ่างใส
วิธีการใช้:
ควรใช้โทนเนอร์เหล่านี้ตอนกลางคืน เพราะผิวจะไวต่อแสงแดดหลังใช้
คำเตือน:
การใช้โทนเนอร์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว ควรเริ่มต้นใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และใช้ครีมกันแดดทุกวัน
แม้โทนเนอร์จะเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยม แต่ก็ยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโทนเนอร์ที่ควรแก้ไข เช่น:
● "โทนเนอร์มีแต่แอลกอฮอล์": จริง ๆ แล้วมีโทนเนอร์หลากหลายสูตร เช่น สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ที่เหมาะสำหรับผิวบอบบาง
● "โทนเนอร์ทำให้ผิวแห้ง": ความแห้งเกิดจากการใช้โทนเนอร์ผิดสูตร เช่น เลือกสูตรที่มีแอลกอฮอล์สำหรับผิวแห้ง
● "โทนเนอร์ไม่จำเป็น": โทนเนอร์ช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง หากละเลยขั้นตอนนี้ ผิวอาจดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงได้น้อยลง
โทนเนอร์เป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลผิวสำหรับคนที่มีปัญหาสิว
ส่วนผสมที่ควรมองหา:
● ซาลิไซลิกแอซิด (Salicylic Acid): ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน
● กรดแลคติก (Lactic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
● ทีทรีออยล์: มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย
ประโยชน์:
● ลดความมันบนใบหน้า
● ป้องกันสิวอุดตันและสิวเสี้ยน
● ฟื้นฟูผิวบริเวณที่เป็นรอยสิว
เคล็ดลับ:
ควรใช้โทนเนอร์สำหรับสิวเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา เพื่อลดโอกาสการระคายเคือง
โทนเนอร์ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการแต่งหน้าได้อย่างไร?
● ลดความมัน: โทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมความมัน ทำให้รองพื้นติดทนนาน
● เพิ่มความชุ่มชื้น: ผิวที่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอจะช่วยให้เครื่องสำอางดูเรียบเนียน
● ปรับสมดุลผิว: ทำให้เมคอัพติดผิวได้ดีขึ้น
ขั้นตอนที่แนะนำ:
● ล้างหน้าให้สะอาด
● ใช้โทนเนอร์เพื่อเช็ดปรับสภาพผิว
● ทามอยส์เจอไรเซอร์และกันแดดก่อนเริ่มแต่งหน้า
การดูแลผิวแพ้ง่ายต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โทนเนอร์สำหรับผิวแพ้ง่ายควรมีคุณสมบัติดังนี้:
ส่วนผสมที่ปลอดภัย:
● ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน
● มีสารสกัดธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้
การทดสอบ:
ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรทดลองที่หลังใบหูหรือท้องแขนเพื่อดูอาการแพ้
เคล็ดลับ:
ใช้โทนเนอร์ที่มีความเข้มข้นต่ำ และเลือกใช้เพียงวันละครั้งในช่วงแรก
ทั้งสองประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน:
โทนเนอร์เคาน์เตอร์แบรนด์:
● มีส่วนผสมที่ผ่านการพัฒนาและทดสอบในห้องแล็บ
● บางครั้งอาจมีสารเคมีที่ระคายเคืองผิว
โทนเนอร์ธรรมชาติ:
● ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น ชาเขียว น้ำกุหลาบ
● ไม่มีสารเคมีรุนแรง แต่ประสิทธิภาพอาจช้ากว่า
ข้อสรุป:
เลือกใช้ตามความต้องการและสภาพผิวของคุณ
ผิวในแต่ละช่วงวัยมีความต้องการที่แตกต่าง:
วัยรุ่น:
● ผิวมันและมีสิวง่าย
● ควรเลือกโทนเนอร์ที่ช่วยลดความมันและป้องกันสิว
วัยผู้ใหญ่:
● เน้นความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย
● เลือกโทนเนอร์ที่มีสารให้ความชุ่มชื้นและต้านอนุมูลอิสระ
เคล็ดลับ:
เลือกโทนเนอร์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวตามช่วงอายุ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
● Skin and Beauty Website
● Skin Care Science Journal
● The Science of Skincare by Dr. Anna Lee