น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อน ซึ่งมักเป็นส่วนที่เราไม่ได้ใช้ มีคุณประโยชน์มากมายในเรื่องการดูแลผิว บทความนี้จะพาคุณสำรวจวิธีการใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยมีการอ้างอิงจากงานวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติทางพฤกษเคมีของน้ำมันธรรมชาติที่สกัดจากเลม่อน คุณจะได้เรียนรู้ข้อมูลเบื้องหลัง การสกัดและการปรุงโลชั่นจากน้ำมันนี้ รวมถึงผลลัพธ์และข้อสรุป ซึ่งจะเผยให้เห็นว่าน้ำมันเลม่อนอาจกลายเป็นส่วนประกอบที่คุณเลือกใช้ในการดูแลผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
เปลือกเลม่อน (Citrus limon) มักถูกทิ้งหลังจากนำผลไปคั้นน้ำหรือใช้ทำอาหาร แต่การศึกษาล่าสุดเผยว่าเปลือกของมันมีน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณค่า น้ำมันหอมระเหยนี้คือของเหลวที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอม ซึ่งสกัดจากพืชและมีสารประกอบที่ดีต่อสุขภาพมากมาย เช่น เทอร์พีน (terpenes) ที่ช่วยในการดูแลผิว ในอดีต น้ำมันหอมระเหยจากพืชถูกนำมาใช้ในเครื่องสำอาง น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ยาต่างๆ เพราะมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อจุลชีพ ต้านเชื้อรา และช่วยลดการอักเสบ
น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนมีสารสำคัญอย่างลิโมนีน (limonene) และฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิว การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การสกัดและการวิเคราะห์น้ำมันจากเปลือกเลม่อน รวมถึงการประยุกต์ใช้ในการผลิตโลชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมานิยมใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อผิวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายในการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนด้วยวิธี Soxhlet เพื่อวิเคราะห์คุณสมบัติทางพฤกษเคมี และนำมาใช้ในโลชั่นดูแลผิว จากนั้นจึงนำไปเปรียบเทียบกับโลชั่นในท้องตลาดการศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่การดูผลลัพธ์ของน้ำมันเลม่อนต่อผิว ทั้งในเรื่องความชุ่มชื้นและสุขภาพผิว โดยเป้าหมายหลักคือการนำของเหลือใช้จากเปลือกเลม่อนซึ่งมักจะถูกทิ้ง ให้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการดูแลผิว
● วิธีการสกัด Soxhlet
เริ่มจากการนำเปลือกเลม่อนที่ได้จากตลาดท้องถิ่นมาล้างและเตรียมให้พร้อมสำหรับการสกัด เราใช้ทั้งเปลือกสดและเปลือกที่แห้งในอากาศ กระบวนการสกัด Soxhlet นี้ใช้ปิโตรเลียมอีเทอร์ที่อุณหภูมิ 40°C เพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหย โดยจะเก็บน้ำมันในขวดปิดสนิทเพื่อป้องกันการระเหย ผลลัพธ์ที่ได้คือเปลือกแห้งให้ปริมาณน้ำมันอยู่ที่ 3.7% ส่วนเปลือกสดให้ปริมาณ 2.3% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปกติสำหรับน้ำมันหอมระเหยจากพืช
● การวิเคราะห์ทางพฤกษเคมี
การทดสอบน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนพบสารสำคัญหลายชนิด เช่น ซาโปนิน (Saponins) ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและแบคทีเรีย ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ เทอร์พีน (Terpenes) ที่มีกลิ่นหอมและช่วยดูแลผิว และแทนนินกับฟีนอล (Tannins and Phenols) ที่มีคุณสมบัติช่วยกระชับผิว
● การปรุงโลชั่นดูแลผิว
น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนถูกนำมาผสมในโลชั่นด้วยส่วนผสมพื้นฐาน เช่น กรดสเตียริกและกลีเซอรีน หลังจากให้ความร้อนและคนจนได้เนื้อโลชั่นที่เป็นเนื้อเดียวกัน เราทำสูตรโลชั่น 2 แบบ คือ แบบที่มีน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนและแบบที่ไม่มี เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
● คุณสมบัติทางกายภาพ-เคมีของน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อน
น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนมีค่า pH อยู่ที่ 3.30 สำหรับเปลือกแห้งในอากาศ และ 3.50 สำหรับเปลือกสด ซึ่งแสดงถึงความเป็นกรดอ่อนๆ ที่ดีต่อการรักษาสมดุลของค่า pH บนผิว น้ำมันที่สกัดจากเปลือกแห้งยังคงมีค่าความชื้นต่ำ ซึ่งช่วยคงคุณภาพของน้ำมันได้ดี
● องค์ประกอบทางพฤกษเคมี
ในน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อน พบว่ามีสารสำคัญหลายชนิดอย่างซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ และเทอร์พีน ซึ่งทำให้น้ำมันนี้เหมาะกับการนำมาใช้ในโลชั่น ซาโปนินทำหน้าที่เป็นอีมัลซิไฟเออร์ตามธรรมชาติ ช่วยให้โลชั่นคงตัว ฟลาโวนอยด์ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ และเทอร์พีนอย่างลิโมนีนก็เพิ่มความหอมพร้อมกับคุณสมบัติในการต้านเชื้อจุลชีพ
● การเปรียบเทียบคุณภาพโลชั่นที่มีน้ำมันเปลือกเลม่อนกับโลชั่นเชิงพาณิชย์
โลชั่นที่มีน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนถูกเปรียบเทียบกับโลชั่นทั่วไป ซึ่งพบว่าโลชั่นที่มีน้ำมันเปลือกเลม่อนมีเนื้อที่เนียนละเอียด กระจายตัวบนผิวได้ดีกว่าและให้กลิ่นหอมที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีค่า pH อยู่ที่ 5.30 ซึ่งใกล้เคียงกับค่า pH ตามธรรมชาติของผิวมนุษย์มากกว่าโลชั่นเชิงพาณิชย์ที่มีค่า pH 8.30 ค่า pH ที่ต่ำกว่านี้จึงทำให้โลชั่นนี้เหมาะกับผิวบอบบาง
การศึกษานี้เน้นถึงความสามารถของน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกเลม่อนในฐานะส่วนผสมที่มีคุณค่าในการดูแลผิว ด้วยคุณสมบัติต้านจุลชีพ สารต้านอนุมูลอิสระ และความสามารถในการให้ความชุ่มชื้น น้ำมันเลม่อนสามารถเป็นทางเลือกธรรมชาติที่ดีสำหรับการทดแทนสารเคมีในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณขยะด้วยการนำเปลือกเลม่อนซึ่งเป็นของเหลือใช้ มาสร้างมูลค่าใหม่ในการดูแลผิว
● Perpetua O.I., Shadrack U.C. (2021). Essential Oil from Lemon Peel (Citrus limon) and its Application in Skin-Care Lotion. *Chemical Science International Journal, 30*(9): 30-38.
● Solanki, R., & Nagori, B.P. (2011). Role of Medicinal Plants in Wound Healing. *Research Journal of Medicinal Plants, 5*(4): 392-405.
● Paduch, R., Kandefer-Szerszeń, M., & Trytek, M. (2007). Terpenes: Substances Useful in Human Healthcare. *Immunologia Therapiae Experimentalis, 55*(4): 315-327.