มาส์กหน้าเป็นตัวช่วยสำคัญในขั้นตอนการดูแลผิว เนื่องจากสามารถฟื้นฟูและบำรุงผิวได้อย่างตรงจุด บทความนี้จะแชร์งานวิจัยที่พัฒนามาส์กหน้าจากวัตถุดิบธรรมชาติในท้องถิ่น อย่างโปรตีนไหม สารสกัดจากหม่อน และไคโตซาน เพื่อสร้างสกินแคร์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เราจะอธิบายเบื้องหลัง วัตถุประสงค์ วิธีการ และผลสรุปจากการวิจัย โดยเน้นให้เห็นว่าแต่ละส่วนผสมมีส่วนช่วยในประสิทธิภาพโดยรวมของมาส์ก และความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างไร
ตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผู้บริโภคให้ความสนใจกับสกินแคร์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและมีคุณสมบัติคล้ายยา (cosmeceuticals) เพราะช่วยดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอดีต เครื่องสำอางมักมีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้สกินแคร์จากธรรมชาติมากขึ้น การวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสกินแคร์จากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น สารสกัดจากพืชและโพลิเมอร์ชีวภาพ
สำหรับประเทศไทย ไหมและใบหม่อนเป็นวัตถุดิบที่มีศักยภาพสูง เป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติทางชีวภาพ โดยโปรตีนจากรังไหมมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและมีความแข็งแรง ส่วนสารสกัดจากใบหม่อนอุดมไปด้วยสารฟีนอลิก เช่น ฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและแบคทีเรีย ขณะเดียวกัน ไคโตซานจากกระดองปลาหมึกหรือเปลือกกุ้ง มีคุณสมบัติต้านจุลชีพ ช่วยเสริมความแข็งแรงและความทนทานให้มาส์ก
การวิจัยนี้มีเป้าหมายในการพัฒนามาส์กหน้าจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งสามชนิด พร้อมกับการทดสอบประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้ โดยอิงจากความต้องการของผู้บริโภค (QFD) เพื่อให้ได้สกินแคร์ที่ตอบโจทย์มากที่สุด
จุดมุ่งหมายหลักของการศึกษานี้คือการพัฒนามาส์กหน้าจากโปรตีนไหม สารสกัดจากหม่อน และไคโตซาน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การวิจัยมุ่งเน้นการออกแบบมาส์กหน้าที่ยึดเกาะกับผิวได้ดี ปลดปล่อยสารบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมทั้งปรับปรุงในด้านสี กลิ่น และความคงทนของมาส์กให้ดียิ่งขึ้น
การเตรียมสารสกัดในการทำวิจัย
● การสกัดโปรตีนไหม: เริ่มด้วยการขจัดกาวออกจากรังไหมดิบ โดยใช้สารละลายโซเดียมคาร์บอเนต (Na₂CO₃) จากนั้นทำให้แห้ง ก่อนนำไหมไปละลายในแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl₂) และทำให้บริสุทธิ์ด้วยกระบวนการไดอะไลซิสเพื่อให้ได้โปรตีนไหมที่บริสุทธิ์ และทำแห้งแบบเยือกแข็งเพื่อให้ได้สารสกัดไฟโบรอินไหมบริสุทธิ์
● การสกัดใบหม่อน: ใบหม่อนจะถูกล้างให้สะอาด จากนั้นทำให้แห้งและบดจนละเอียด แล้วนำไปสกัดด้วยน้ำร้อน หลังจากนั้นจะกรองและนำไปเข้มข้นด้วยเครื่องระเหยแบบหมุน
● การเตรียมไคโตซาน: ใช้ไคโตซานที่หาได้ตามท้องตลาด นำมาผสมกับกรดแลคติกเพื่อให้ได้สารละลายไคโตซานที่มีความเข้มข้นเท่ากัน
ได้ทำการสำรวจความต้องการของผู้ใช้สกินแคร์ โดยใช้แผนผังความสัมพันธ์ในการจัดกลุ่มข้อมูล จากนั้นใช้เทคนิค QFD เพื่อแปลงความต้องการเหล่านี้ไปสู่การพัฒนาเชิงเทคนิค
วิทยาศาสตร์เบื้องหลังมาส์กหน้าธรรมชาติของเรา
มีการพัฒนาต้นแบบมาส์กหน้าโดยผสมไฟโบรอินไหม สารสกัดจากใบหม่อน และไคโตซานในอัตราส่วนเฉพาะ ต้นแบบถูกทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นพิษต่อเซลล์ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีการประเมินผู้บริโภคเพิ่มเติมเพื่อประเมินความพึงพอใจในคุณลักษณะต่างๆ เช่น การยึดเกาะกับผิว การปลดปล่อยสารสำคัญ และการใช้งานโดยรวม
การวิเคราะห์คุณลักษณะของวัสดุ
● โปรตีนไหม: การวิเคราะห์ด้วย FTIR ยืนยันการมีอยู่ของสาร fibroin ในโปรตีนไหม
● สารสกัดจากใบหม่อน: การทดสอบ DPPH เผยให้เห็นว่าสารสกัดจากใบหม่อนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง ทำให้เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิว
● ไคโตซาน: มีคุณสมบัติในการสร้างฟิล์มที่ดี เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างมาส์ก
ความพึงพอใจของผู้ใช้มาส์กหน้า
ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณลักษณะหลักสามประการในมาส์กหน้า คือ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการปลดปล่อยสารบำรุงผิวจากมาส์กหน้า และการยึดเกาะกับผิวที่ดี โดยจากการประเมินต้นแบบ ผู้ใช้สกินแคร์มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง และแนะนำให้ปรับปรุงในด้านสี กลิ่น และความหนาของแผ่นมาส์กเพื่อให้ดียิ่งขึ้น
● ความสามารถในการปลดปล่อยสารสำคัญ: ปรับปรุงให้สารออกฤทธิ์ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
● การยึดเกาะของมาส์กกับผิว: ทำให้เกิดการแนบสนิทและสัมผัสกับผิวหน้าอย่างทั่วถึง
● มาตรฐานความปลอดภัย: เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและกฎระเบียบ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
การวิเคราะห์นี้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ในการวิจัยนี้ เราได้พัฒนามาส์กหน้าที่ทำจากโปรตีนไหม สารสกัดหม่อน และไคโตซาน โดยใช้กระบวนการ QFD เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค สกินแคร์ที่ได้มีคุณสมบัติการยึดเกาะที่ดีและสามารถปลดปล่อยสารบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังมีบางจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น สี กลิ่น และความคงทน ตามคำแนะนำของผู้บริโภค
ในอนาคต การปรับปรุงเพิ่มเติมจะทำให้สกินแคร์นี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และกลายเป็นทางเลือกที่ดีในตลาดเครื่องสำอางธรรมชาติ
● Altman, G. H., et al. (2003). Silk-based biomaterials. Biomaterials, 24, 401-416.
● Song-Hwan, B., & Hyung-Joo, S. Antioxidant activities of five different mulberry cultivars in Korea. LWT-Food Science and Technology, 40, 955-962.
● Sionkowska, A., & Płanecka, A. . Preparation and characterization of silk fibroin/chitosan composite sponges for tissue engineering*. Journal of Molecular Liquids, 178, 5-14.
● Friedman, A. J., et al. (2013). Antimicrobial and anti-inflammatory activity of chitosan–alginate nanoparticles. Journal of Investigative Dermatology, 133, 1231-1239.
● Sah, M. K., & Pramanik, K. Regenerated silk fibroin from B. mori cocoon for tissue engineering applications. International Journal of Environmental Science and Development, 1, 404.
● . Wattanutchariya, W., & Royintarat, T. Implementation of quality function deployment and kansei engineering for GABA rice snack development. Environment and Natural Resources Journal, 10, 1-10.