วิตามินอีเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการดูแลสุขภาพผิวและร่างกาย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) โดยหน้าที่หลักของวิตามินอีคือการป้องกันเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เช่น รังสี UV มลภาวะ และการเสื่อมสภาพของเซลล์ที่เกิดตามธรรมชาติ
วิตามินอียังเป็นสารที่ละลายในไขมัน ซึ่งหมายความว่าสามารถเก็บสะสมในชั้นผิวหนังได้ดี ทำให้ผิวพรรณได้รับการปกป้องและซ่อมแซมในระยะยาว หลายงานวิจัยชี้ว่าวิตามินอีมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อักเสบและเสื่อมสภาพ รวมถึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยและจุดด่างดำได้
วิตามินอีในครีมบำรุงผิวทำงานอย่างไร?
ครีมบำรุงผิวที่มีวิตามินอีได้รับความนิยมเพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมาย เช่น:
● ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินอีทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันผิว ลดผลกระทบจากมลภาวะและรังสี UV ที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
● เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ด้วยคุณสมบัติการกักเก็บน้ำ วิตามินอีช่วยฟื้นฟูผิวแห้งแตกเป็นขุย ให้กลับมานุ่มเนียนได้อีกครั้ง
● ลดรอยแดงและการอักเสบ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย วิตามินอีช่วยลดอาการอักเสบและระคายเคืองบนผิว
● ฟื้นฟูผิวเสีย
ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแผลเป็น หรือจุดด่างดำ วิตามินอีช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
ทุกคนสามารถใช้ครีมที่มีวิตามินอีได้ แต่มีข้อดีเฉพาะสำหรับแต่ละสภาพผิว:
● ผิวแห้ง:
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวแห้ง เพราะวิตามินอีช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นยาวนาน
● ผิวมัน:
หลายคนคิดว่าครีมวิตามินอีอาจทำให้ผิวมันเยิ้มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมันช่วยปรับสมดุลน้ำมันในผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีโดยไม่อุดตันรูขุมขน
● ผิวแพ้ง่าย:
สำหรับคนที่มักแพ้สารเคมีในสกินแคร์ วิตามินอีช่วยลดการระคายเคืองและบรรเทาอาการอักเสบได้
เคล็ดลับการใช้งานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ:
● ใช้หลังทำความสะอาดผิว
ควรใช้ครีมวิตามินอีหลังล้างหน้าหรืออาบน้ำ เพราะช่วงเวลานี้รูขุมขนเปิดกว้าง ทำให้สารบำรุงซึมซาบได้ง่าย
● นวดเบา ๆ ระหว่างทาครีม
การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้ครีมซึมลึกถึงชั้นผิว
● ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายในตอนกลางคืน
การใช้ในตอนกลางคืนช่วยให้วิตามินอีทำงานฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ร่างกายพักผ่อน
● ทดลองใช้ในปริมาณน้อยก่อน
หากคุณเพิ่งเริ่มใช้ครีมที่มีวิตามินอี ควรทาบริเวณเล็ก ๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่
วิตามินอีสามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับสารบำรุงอื่น ๆ:
● วิตามินซี:
การใช้คู่กับวิตามินซีช่วยเสริมประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ ลดจุดด่างดำและความหมองคล้ำได้เร็วยิ่งขึ้น
● กรดไฮยาลูรอนิก:
ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวล้ำลึก เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาดน้ำ
● น้ำมันธรรมชาติ: เช่น น้ำมันอาร์แกน น้ำมันมะพร้าว หรือโจโจบา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวแห้งแตก
เลือกอย่างไรให้ได้ครีมที่ตอบโจทย์?
ตรวจสอบส่วนผสม:
มองหาสูตรที่มี "Vitamin E Acetate" หรือ "Tocopherol" ในส่วนประกอบหลัก
เลือกตามปัญหาผิว:
● หากคุณมีรอยแผลเป็น เลือกสูตรที่มีส่วนผสมฟื้นฟู
● หากคุณผิวแห้ง เลือกสูตรที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น
ทดสอบการแพ้:
ทาผลิตภัณฑ์บริเวณหลังมือก่อนใช้จริง เพื่อตรวจสอบอาการแพ้
● "Vitamin E in Dermatology," Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology.
● "Skin Benefits of Antioxidants," Research by National Skincare Institute.
● "The Role of Tocopherol in Skin Health," International Journal of Dermatology.