ผิวหน้าของเรามีความบอบบางมากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย ดังนั้น การดูแลและปกป้องจึงมีขั้นตอนที่แตกต่างออกไป การดูแลผิวหน้าพื้นฐานประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก:
● การทำความสะอาดผิวหน้า (Cleansing)
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก เพราะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน และสารพิษที่สะสมบนผิวตลอดทั้งวัน การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง จะช่วยลดการระคายเคืองได้
● การบำรุงผิวหน้า (Moisturizing)
การบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิว แม้ผิวมันก็ยังต้องการการบำรุง การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) หรือสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและแข็งแรงขึ้น
● การผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating)
การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากชั้นผิวทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และยังช่วยให้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวทำงานได้ดีขึ้น การผลัดเซลล์ผิวสามารถทำได้ทุกสัปดาห์ หรือทุกๆ 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
● การใช้โทนเนอร์ (Toning)
โทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสภาพผิวหลังจากการทำความสะอาด ช่วยทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป และช่วยกระชับรูขุมขน โดยควรเลือกโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง
● การปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด (Sunscreen)
แสงแดดเป็นศัตรูสำคัญของผิวหน้า ทำให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไปเป็นสิ่งจำเป็น และควรใช้ทุกวันแม้ในวันที่ไม่มีแดดแรง
ปัจจุบันนี้มีแนวโน้มในการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสารสกัดจากพืชมากขึ้น เช่น:
● สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract): มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบและริ้วรอย
● น้ำมันจากต้นโรสแมรี่ (Rosemary Oil): ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความมันบนผิว
● ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera): ช่วยบรรเทาการอักเสบและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างอ่อนโยน
ผิวของเรามีการเปลี่ยนแปลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น การดูแลผิวที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญในการคงความสดใส:
● ช่วงวัยรุ่น (Teenage Years): วัยนี้มีปัญหาผิวมันและสิวเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมความมัน เช่น โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) จะช่วยลดการเกิดสิวและรูขุมขนอุดตัน
● ช่วงวัย 20-30 ปี (20s-30s): ในช่วงนี้ผิวยังคงมีความยืดหยุ่นดี แต่เริ่มมีสัญญาณของความเครียดและมลภาวะ ทำให้ผิวอาจดูหมองคล้ำ การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในขั้นตอนการดูแลผิว เช่น วิตามินซี และการใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม จะช่วยปกป้องผิวจากความเสียหาย
● ช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป (40s and Beyond): ผิวในช่วงนี้เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides) และกรดไฮยาลูรอนิก ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องการกระชับผิวและลดริ้วรอยเป็นหลัก
ในแต่ละคนอาจมีปัญหาผิวแตกต่างกัน การดูแลผิวเฉพาะบุคคลจะต้องมีการปรับแต่งตามความต้องการของผิว:
● การดูแลผิวที่มีปัญหาสิว (Acne-Prone Skin): คนที่มีปัญหาสิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) และควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งและอักเสบมากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารลดการอักเสบ เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือสารสกัดจากทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) จะช่วยลดการอักเสบและสิวได้
● การดูแลผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin): ผิวแพ้ง่ายต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอมและไม่มีสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) หรือสารสกัดจากคาโมมายล์ (Chamomile Extract)
● การดูแลผิวเพื่อลดริ้วรอย (Anti-Aging Skin Care): คนที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอล (Retinol) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และลดเลือนริ้วรอย การเสริมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเปปไทด์และคอลลาเจนก็จะช่วยให้ผิวดูยืดหยุ่นและอ่อนเยาว์มากขึ้น
นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายนอก การดูแลสุขภาพผิวจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน อาหารที่ดีต่อผิวมีส่วนช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน เช่น:
● โอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids): พบในปลาแซลมอนและเมล็ดแฟลกซ์ โอเมก้า-3 ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการอักเสบ
● วิตามินซี (Vitamin C): วิตามินซีช่วยในการสร้างคอลลาเจนและลดการเกิดจุดด่างดำ พบได้ในผลไม้เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ และกีวี
● น้ำ (Water): การดื่มน้ำเพียงพอช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว การขาดน้ำอาจทำให้ผิวแห้งและหมองคล้ำได้ง่าย
การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลส่งผลต่อสภาพผิวอย่างมาก:
● หน้าหนาว: ผิวมักจะแห้งมากในช่วงฤดูหนาว จึงควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมเข้มข้น เช่น เชียบัตเตอร์หรือเซราไมด์
● หน้าร้อน: ในช่วงที่มีอากาศร้อนและชื้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เบาบางและไม่เหนียวเหนอะหนะ เช่น เจลบำรุงผิวหรือเซรั่มที่ไม่มีน้ำมัน
● Chiu, A., et al. (2020). Green Tea Extracts in Skin Care: A Review. Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology, 13(5), 36-42.
● Singh, A., & Goyal, G. (2018). Hyaluronic Acid in Skin Care: An Overview. Dermatology Research and Practice, 2018, 1-8.
● Santos, R., et al. (2019). Anti-Inflammatory and Skin Healing Properties of Rosemary Oil. Phytotherapy Research, 33(4), 882-888.